วิธีการทำงานของ สายดิน ทำอย่างไร และสายดินป้องกันไฟดูดได้อย่างไร
สายดิน คือตัวนำไฟฟ้าให้ไฟฟ้าลงไปยังพื้นที่หรือเส้นทางที่ปลอดภัยต่อบุคคล สถานที่ระแวกนั้น ในกรณีที่อุปกรณ์ไฟฟ้าของคุณเกิดข้อขัดข้องหรือความผิดพลาดระหว่างการทำงาน สายดินจะช่วยดึงไฟฟ้าที่รั่วออกมาลงไปยังพื้นดินเพื่อป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าเหล่านั้นช็อตคุณหรือก่อให้เกิดอัคคีภัย
หลักการทำงานของ สายดิน
สายดินทำงานโดยการสร้างเส้นทางที่มีความต้านทานต่ำเพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลตาม ซึ่งนั่นแปลว่าในกรณีที่มีไฟฟ้ารั่วออกมาจากอุปกรณ์ต่าง ๆ แทนที่จะไหลไปตามพื้นหรือช็อตคุณ มันจะไหลไปยังสายดินและลงไปใต้ดินแทน ช่วยให้คุณไม่ต้องโดนไฟดูดไฟช็อต
วิธีการติดตั้งสายดินกับเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ
- ปิดการทำงานของเครื่องใช้ที่คุณกำลังจะติดตั้งสายดิน หรือเพื่อความปลอดภัยอาจจะสับคัทเอาท์ที่บ้านของคุณลงเลยก็ได้ เพื่อให้มั่นใจว่าระหว่างที่คุณกำลังยุ่งกับเครื่องใช้แสนอันตรายเหล่านี้ คุณจะไม่โดนไฟดูด
- ค้นหาขั้วต่อสายดินบนเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นขั้วต่อสีเขียว และมีป้ายกำกับว่า “Ground” หรือ GND
- ลอกฉนวนออกจากปลายสายดิน โดยใช้ที่ปอกสายไฟ
- ต่อสายดินเข้ากับขั้วต่อสายดินบนเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ โดยยึดด้วยหัวข้อต่อหรือสกรู ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันพันกันอย่างแน่นหนาแล้ว
- เดินสายดินไปที่แท่งกราวด์ หรือจุดกราวด์ที่คุณต้องการ
- ต่อสายดินเข้ากับแท่งกราวด์ โดยใช้หัวข้อต่อหรือที่หนีบ
- ทดสอบสายดินว่าทำงานอย่างถูกต้อง คุณสามารถทำได้โดยใช้เครื่องทดสอบแรงดันไฟฟ้า
- เปิดอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณ พร้อมใช้งานได้เลย
ประเภทต่าง ๆ ของสายดิน
- สายดินแบบต่อลงดินกับแท่งกราวด์ : เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากใช้งานง่ายที่สุด มีราคาถูก ขั้นตอนไม่ซับซ้อน หลักการของมันก็คือการตอกแท่งโลหะลงดิน และนำสายดินไปพันไว้ ทำให้ไฟฟ้าไหลผ่านสายลงไปยังดินได้อย่างปลอดภัย ทั้งง่ายและประหยัดเงิน จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในที่พักอาศัย
- สายดินแบบต่อกับแผ่นกราวด์ : หลักการทำงานเหมือนกับแท่งกราวด์ แต่เปลี่ยนจากแท่งเป็นแผ่นเหล็กแทน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกระจายกระแสไฟฟ้ามากกว่าแบบแท่งกราวด์ จึงนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
- การต่อท่อลงดิน : เหมือนกับสองข้อข้างบน เพียงแค่เปลี่ยนเป็นท่อเหล็กเท่านั้น ข้อดีคือมีประสิทธิภาพมากกว่า ปลอดภัยมากกว่าเนื่องจากมีขนาดที่ใหญ่ทำให้สามารถปักลงดินได้อย่างแน่นหนา ข้อเสียคือราคาแพงและอาจจะสิ้นเปลือง เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
แนะนำวิธีการเลือกสายดินเพื่อความปลอดภัย
หนึ่งในสิ่งสำคัญสำหรับวิธีการเลือกสายดินก็คือเรื่องของขนาด ขนาดของสายดินนั้นจะต้องเหมาะสมกับการใช้งาน หากเล็กเกินไปอาจจะทำให้ไฟฟ้าไหลผ่านไม่หมดและรั่วออกมาได้ แต่หากใหญ่เกินไปก็อาจจะเป็นการสิ้นเปลืองเงิน
นอกจากนี้วัสดุที่ใช้ทำสายดินจะต้องเป็นทองแดงเนื่องจากมีค่านำไฟฟ้าที่สูงและทนทานต่อการกัดกร่อน แต่คุณอาจจะเห็นสายดินที่ทำจากวัสดุอื่น ๆ เช่น อะลูมิเนียม เหล็ก ทั้งนี้ทั้งนั้นวัสดุเหล่านี้ก็อาจจะเป็นสายดินที่ใช้งานเฉพาะทาง หากคุณเลือกซื้อสายดินเพื่อใช้งานในบ้านของคุณควรเลือกใช้วัสดุทองแดง
การดูแลรักษาหรือแก้ไขปัญหาสายดิน
- ตรวจสอบสายดินเพื่อมองหาความเสียหายหรือการสึกหรอที่เกิดขึ้น มองหาส่วนที่หลุดลุย แตกร้าว และตรวจให้แน่ใจว่าการต่อสายดินนั้นหนาแน่นมากพอหรือไม่
- ทดสอบสายดินสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน สามารถใช้ไขควงวัดไฟในการตรวจสอบได้
- ตรวจสอบแท่งกราวด์ว่าติดตั้งอย่างแน่นหนาและไม่มีความเสียหายหรือการสึกหรอ
สุดท้ายนี้ หากคุณไม่มีความเชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าหรือไม่มีความรู้งานช่าง ควรโทรเรียกช่างไฟฟ้าหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและที่อยู่อาศัย